ความแตกต่างระหว่าง LED และ LCD
1. จอภาพแบบ LCD คือ มีหลักการทำงานอย่างไร
จอ LCD คืออะไร ทำงานอย่างไร
จอ LCD (liquid crystal display หรือ LCD) หรือเรียกว่า “จอภาพผลึกเหลว” (ลองเอานิ้วไปกดจอดู จะเหมือนกันมีน้ำอยู่ข้างใน) โดยจอชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ 1963 โดยถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับกลุ่มเครื่องคิดเลข และนาฬิกา ในรูปแบบขาวดำ โดยปัจจุบันป้ายไฟวิ่ง จอ led
หลักการทำงานโดยทั่วไปของจอ LCD
โดยการทำงานของจอ LCD ทั่วๆไปนั้น ภายในจะประกอบไปด้วยผลึกเหลวเรียงตัวกันอยู่ภายใน โดยมีลักษณะกึ่งแข็ง กึ่งเหลว และมีความโปร่งใสในตัว จะต้องมีแหล่งกำเนิดแสงจากหลอดที่อยู่ด้านหลังจอ เรียกว่าหลอดCCFL (cold-cathode fluorescent lamps) ซึ่งเป็นแสงสีขาว โดยแสงนี้จะผ่านแผ่น Diffuser ทำหน้าที่กระจายแสงให้ทั่วเท่ากันทั้งจอ จากนั้นจะผ่าน Polarizer เพื่อกรองแสงเฉพาะคลื่นแสงแนวนอน และในส่วนชั้นผลึกเหลวจะถูกกระตุ้นจากกระแสไฟฟ้าและเกิดการบิดตัวขึ้น และแสงจะส่องผ่านผลึกเหลวและเกิดการหักเหแสง จากนั้นแสงจะส่องผ่านฟิลเตอร์ สามสี คือ แดง เขียว น้ำเงิน จากนั้นผ่านตัว Polarizer ชั้นนอกอีกชั้น ซึ่งชั้นนี้จะกรองเฉพาะคลื่นแสงแนวตั้ง
บริเวณที่ผลึกเหลวบิดตัว90องศา(หรือมากกว่า)บริเวณนั้นจะมีแสงผ่านจาก Backlight มาก จะเกิดเป็นความสว่างของจอ
บริเวณที่ผลึกเหลวบิดตัวน้อย บริเวณนั้นจะมีแสงผ่านจาก Backlight ออกมาน้อย
บริเวณที่ผลึกเหลวไม่บิดตัว บริเวณนั้นจะไม่มีแสงผ่านจาก Backlight ออกมาเลย
และเหตุการณ์ทั้งสามนี้ จะเกิดการผสมสีจากปริมาณแสงที่สามารถผ่านออกมาได้จากผลึกเหลวและผ่านฟิลเตอร์สีและเกิดเป็นภาพให้เราเห็นขึ้นมานั่นเอง
2. จอภาพแบบ LED คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร
หน้าจอ LED (Light Emitting Diode)ใช้ระบบการฉายภาพด้วยหลอดไฟขนาดเล็ก ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีของหลอดไฟ LED ไปใช้กับการทำเป็นไฟท้ายรถของรถยนต์ชื่อดังอย่าง Honda อีกด้วย โดยต้นกำเนิดของการใช้การฉายภาพแบบนี้ก็คือ หลอด LED จะทำหน้าที่เป็นตัวกำเนิดแสง และมีผลึกคริสตัลที่เป็นของแข็งกึ่งเหลว 3 สีคือสีแดง น้ำเงินและเขียว คอยบิดตัวกันเป็นองศาและเพื่อให้แสงไฟจากหลอด LED ส่องผ่านมาเพื่อทำให้ฉายออกไปเป็นภาพสีสันที่สวยงามบนหน้าจอได้นั่นเอง
ในแง่ที่ง่ายที่สุดไดโอดเปล่งแสง (LED) เป็นอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ที่ปล่อยแสงเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน แสงถูกสร้างขึ้นเมื่ออนุภาคที่มีกระแสไฟฟ้า (เรียกว่าอิเล็กตรอนและรู) รวมกันภายในวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากแสงถูกสร้างขึ้นภายในวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นของแข็ง LED จึงถูกอธิบายเป็นอุปกรณ์แบบ solid-state แสงสว่างของรัฐที่เป็นของแข็งซึ่งรวมถึงไฟ LED อินทรีย์ (OLED) ทำให้แยกแยะเทคโนโลยีแสงนี้จากแหล่งอื่น ๆ ที่ใช้เส้นใยความร้อน (หลอดไส้หลอดฮาโลเจนและหลอดไส้ทังสเตน) หรือปล่อยก๊าซ (หลอดฟลูออเรสเซนต์)
เทคโนโลยีจอแสดงผล LED Screen
จอ LED เป็นระบบจอแสดงภาพขนาดใหญ่โดยใช้หลักการทำงานของการผสมสีของ LED หลัก3 สี ได้แก่ สีแดง (Red), สีเขียว(Green) และสีน้ำเงิน (Blue) หรือเรียกสั้นๆว่าRGB ให้เกิดเป็นสีต่างๆโดยความละเอียดในการปรับสีของLED แต่ละสีจะถูกควบคุมด้วยสายสัญญาณที่มีขนาดตั้งแต่16 บิตขึ้นไปดังนั้นยิ่งควบคุมด้วยจำนวนสายสัญญาณมากขึ้นก็จะได้ภาพที่มีความลึกของสี (Processing depth) มากขึ้นจึงได้ภาพที่สมจริงยิ่งขึ้น
สีที่ต่างกัน
ภายในวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ของ LED อิเล็กตรอนและรูจะอยู่ภายในแถบพลังงาน การแยกแถบ (เช่น bandgap) จะเป็นตัวกำหนดพลังงานของโฟตอน (อนุภาคแสง) ที่ปล่อยออกมาจาก LED
พลังงานโฟตอนกำหนดความยาวคลื่นของแสงที่ปล่อยออกมาและด้วยเหตุนี้สีของมัน วัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่แตกต่างกันกับ bandgaps ที่แตกต่างกันผลิตสีที่แตกต่างกันของแสง ความยาวคลื่นที่แม่นยำ (สี) สามารถปรับได้โดยการเปลี่ยนส่วนประกอบของพื้นที่ที่ปล่อยแสงหรือใช้งาน
LED ประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำประกอบซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบจากกลุ่ม III และกลุ่ม V ของตารางธาตุ (เหล่านี้เรียกว่าวัสดุ III-V) ตัวอย่างของวัสดุ III-V ที่ใช้กันโดยทั่วไปในการทำ LED คือแกลเลียม arsenide (GaAs) และ gallium phosphide (GaP)
จนกระทั่งช่วงกลาง 90s LEDs มีช่วงที่ จำกัด ของสีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟ LED สีน้ำเงินและสีขาวในเชิงพาณิชย์ไม่มีอยู่ การพัฒนาไฟ LED บนพื้นฐานของระบบวัสดุแกลเลียมไนไตรด์ (GaN) ทำให้จานสีสมบูรณ์ขึ้นและเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ มากมาย
หลักการผสมสีแบบFull Color
ส่วนประกอบของหลอด LED
คุณสมบัติเฉพาะของ LED
o เป็นตัวกำเนิดแสงที่มีมุมเฉพาะในการกระจายของแสง
o สีของแสงที่เปล่งออกมา กำหนดได้จากความยาวคลื่น
o ให้ความเข้มแสงสูง
o ประหยัดพลังงาน
o อายุการใช้งานยาวนาน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์
https://ledasean.com หรือโทร 0863928608 or E-mail us on jled108@hotmail.com