เราควรรู้พื้นฐานอะไรบ้างก่อนจะซื้อหน้าจอ LED?
ลูกค้าหลายคนต้องการที่จะติดตั้งจอ LED ในพื้นที่ของพวกเขา แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้อยู่ในธุรกิจนี้ พวกเขาเลยไม่ทราบเกี่ยวกับจอ LED หากลูกค้าเจอพ่อค้าไม่ดีลูกค้าก็จะไม่ทราบอะไรเลย
ดังนั้นในฐานะที่เราบริษัท JLED เป็นมืออาชีพในด้านจอ LED จึงอยากมาแนะนำการเลือกจอ LED แบบพื้นฐานก่อนที่จะตัดสินซื้อจอ LED อย่างไร ?
- เม็ดไฟบนจอ LED : จุดเม็ดไฟบนจอ LED หมายถึง ระยะห่างระหว่างเม็ดและไฟLED บนโมดูลของจอ LED ตัวอย่างเช่น ระยะห่างของจอ LED P4 คือ ระยะจากผู้มองห่างจากหน้าจอ LED 4 เมตร จอ LED P3 ก็จะห่าง 3 เมตร LED P2.5 จะห่าง 2.5 เมตร และอื่นๆแล้วแต่ขนาดของ P (Pixel) ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าต้องการแบบไหน ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดของ P(Pixel) ราคายิ่งสูง ความคมชัดและความหนาแน่นของพิกเซลจะสูงขึ้น ยิ่งพิกเซลสูงขึ้นความความคมชัดก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- ขนาดของชิปในจอ LED มีขนาดกี่ mil : mil เป็นหน่วยวัดหนึ่ง 1 mil จะเท่ากับ 1,000นิ้ว 21 mil จะเท่ากับ 1 มิลลิเมตร 15 mil , 25mil , 27mil เป็นขนาดมาตรฐานของชิปที่มีกำลังไฟ 1W (วัตต์) ในทางทฤษฎียิ่งชิปมีขนาดใหญ่เท่าใดกำลังไฟก็จะมากขึ้นเท่านั้นและยังทนต่อกระแสไฟด้วย
อย่างไรก็ตาม วัสดุชิป และ กระบวนการของชิป ก็เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อ พลังของ ชิป เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น CREE 27 mil สามารถทนไฟได้ตั้งแต่ 1W ถึง 3W
3.) Refresh rate ของจอ LED : Refresh rate ของจอ LED ที่มีคุณภาพสูง โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1920 HZ/s จะเป็นจอ LED ของยี่ห้อ Royal การ Refresh rate ของจอ LED นั้นหมายถึง จำนวนครั้งที่ลำแสงอิเล็กตรอนสแกนภาพบนหน้าจอซ้ำ ๆ ยิ่ง Refresh rate สูง ความชัดของภาพก็จะยิ่งดีขึ้นด้วย Refresh rate นั้นจะมีราคาที่กำหนดอยู่แล้วแต่เนื่องจาก Refresh rate และความละเอียดที่ถูกจำกัดจอที่
Refresh rate สูงและไม่เกิดปัญหานั้นที่จะเรียกว่าจอ LED แบบเป็นประสิทธิภาพ
คุณสามารถเข้าใจได้ด้วยวิธีนี้ Refresh rate คือจำนวนครั้งที่หน้าจอจะ refresh ต่อวินาที เมื่อเราดูหนัง เราจะเห็นภาพนิ่งที่ค่อยๆเลื่อน แล้วทำไมเราถึงเห็นภาพเคลื่อนไหวนั่นเป็นเพราะดวงตาของคนเรานั้นมีผลต่อการมองเห็นภาพที่เคลื่อนไหว ทำให้ภาพในหัวไม่หายไปและภาพถัดไปก็เลื่อนตามมาทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง 2 ภาพ ถ้าพูดอีกอย่างคือ 1 การกระทำจะต้องมีภาพจำนวนมากเพื่อจะทำให้หน้าจอกำลังเคลื่อนไหว นี่คือหน้าที่ของการ refreshing สมมุติว่าเรามีท่าทางแล้ว 20 ภาพ เราจะทำให้เหมือนกับการ์ตูน และท่าทางที่เราทำนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ภาพ นี่คือการ refresh rate
4.) วิธีการเช็คด้วยตา : มีวิธีการเช็คมากมายสำหรับจอ LED การตรวจสอบด้วยสายตามีผลต่อการเลือกหน้าจอเพราะหน้าจอ LED ทั้ง Indoor และ Outdoor จะมีความแตกต่างในการมองแล้วราคา ของ Outdoor จะมีราคาที่แพงกว่าด้วย วิธีการตรวจสอบด้วยตาของจอ LED indoor คือระยะการมอง 1/16 และ 1/32 ส่วน Outdoor จะอยู่ที่ 1/2 ( ตัวอย่างนี้คือสินค้า P10 แบบ Full color ) 1/4 ,1/8
5.) การใช้พลังงานขนาดใหญ่และเฉลี่ยพลังงาน : พลังงานของจอ LED Indoor โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 600W-1,000W และจอ LED Outdoor จะต้องใช้พลังงานสูงขึ้นคือ 700W-1,200W จอ LED ควรมีกำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 1/3 ของพลังงาน
6.) ความละเอียดพิกเซล : จอ LED P1.6 หนึ่งตารางเมตรจะแสดงพิกเซลจำนวน 288,000 จุด
LED P.2 หนึ่งตารางเมตรจะแสดงพิกเซลจำนวน 250,000 จุด LED P.2.5 หนึ่งตารางเมตรจะแสดงพิกเซลจำนวน 160,000 จุด LED P.3 หนึ่งตารางเมตรจะแสดงพิกเซลจำนวน 111,111 จุด และหน้าจอ LED P4 หนึ่งตารางเมตรจะแสดงพิกเซลจำนวน 62,500 จุด ดังนั้น จำนวนพิกเซลต่อตารางเมตรของจอ LED มากขึ้น ราคาก็แพงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะพิกเซลยิ่งเยอะ ราคาก็จะยิ่งสูงและคุณภาพของจอก็จะสิ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
7.) ระดับมุมมองและ IP65 protection level : ระดับการมองจอ LED จะอยู่ที่ 140°องศา
IP65 protection level คือการป้องกันน้ำและแสงของจอ LED แบบ Outdoor ส่วน LED Indoor คือ IP40
8.) ตัวยึดลวดทองแดงและลวดทอง : ลวดทองลวดทองแดงหมายถึง ลวดเส้นบางๆที่อยู่ในหลอดไฟ LED ภายในหลอดจะมีลวดทอง และตัวยึดคือทองแดง สินค้านี้จะแพงที่สุด ลวดทองแดงและตัวยึดลวดทองแดงหมายถึง ลวดเส้นบางและเม็ดไฟ ของจอ LED ด้านในจะมีลวดทองแดงที่ให้แสงสว่าง
ผู้ผลิตจะทำลวดเป็นทองแดงและตัวยึดเป็นเหล็กแต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว
เราควรรู้พื้นฐานอะไรบ้างก่อนจะซื้อหน้าจอ LED? Contact Us